top of page

วิธีตรวจบ้านก่อนโอน ทำยังไง? เช็กจุดไหนบ้าง ต้องดู!

  • รูปภาพนักเขียน: ฺBelmont Residences
    ฺBelmont Residences
  • 17 ต.ค.
  • ยาว 1 นาที
ตรวจบ้านก่อนโอน

การตรวจบ้านก่อนโอน คือขั้นตอนสำคัญที่เจ้าของบ้านหรือผู้ซื้อบ้านใหม่ไม่ควรมองข้าม เพราะแม้ว่าบ้านจะดูใหม่ สวย หรือผ่านการรับรองจากโครงการมาแล้วก็ตาม แต่ก็ยังอาจมีจุดบกพร่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ซ่อนอยู่ การตรวจรับบ้านอย่างละเอียดก่อนทำการโอนบ้าน จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าบ้านที่กำลังจะรับมอบ “สมบูรณ์พร้อมเข้าอยู่” จริง ๆ ไม่ต้องเสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย หรือมาซ่อมแซมภายหลัง 

ทำไมต้องตรวจบ้านก่อนโอน?

หลายคนอาจคิดว่าโครงการบ้านจัดสรร หรืออสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ มีทีมตรวจคุณภาพอยู่แล้ว แต่ในความจริง “ไม่มีบ้านไหนที่สมบูรณ์ 100%” ก่อนส่งมอบได้เสมอ การตรวจบ้านก่อนโอนจึงเป็นสิ่งจำเป็น 

  • ทำให้พบข้อบกพร่องก่อนรับโอน เช่น ผนังร้าว พื้นไม่เรียบ น้ำรั่ว ไฟไม่ติด หรือประตูปิดไม่สนิท ซึ่งถ้าตรวจพบก่อนโอน โครงการจะต้องแก้ไขให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

  • ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาว การซ่อมหลังโอนอาจต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด หากตรวจให้ครบก่อน จะช่วยป้องกันปัญหาที่บานปลายได้

  • ทำให้มั่นใจในคุณภาพการก่อสร้าง โดยเฉพาะบ้านราคาหลายล้าน การตรวจละเอียดคือการ “คุ้มครองสิทธิของผู้ซื้อ” และสร้างความสบายใจในระยะยาวให้กับว่าที่เจ้าของบ้าน

เช็กลิสต์ตรวจบ้านก่อนโอน

1. โครงสร้างและพื้นผิว

แม้จะไม่สามารถตรวจได้ลึกถึงโครงเหล็ก แต่เรายังสามารถตรวจโครงสร้างบ้านและพื้นผิวของบ้านโดยเบื้องต้นได้

  • เช็กผนัง : ต้องเรียบเนียน ไม่มีรอยแตกร้าว รอยด่าง หรือโป่ง

  • เช็กพื้นปูกระเบื้อง : ต้องแน่น ไม่มีเสียงกลวงหรือหลุด โดยใช้เหรียญเคาะพื้นฟังเสียง ถ้าเสียงกลวงแสดงว่าอาจมีช่องว่างใต้กระเบื้อง ต้องให้โครงการแก้ไข

  • เช็กระดับพื้นแต่ละห้อง : ต้องมีระดับเท่ากัน ไม่มีแอ่นหรือเอียง

  • เช็กฝ้าเพดาน : ต้องเรียบ ไม่มีคราบน้ำหรือรอยรั่ว

  • เช็กสีทาภายใน–ภายนอก : ต้องเรียบเสมอกัน ไม่มีรอยหยดหรือหลุดลอก

2. ระบบไฟฟ้าและแสงสว่าง

ระบบไฟเป็นสิ่งที่ผู้ซื้อจำเป็นที่จะต้องตรวจละเอียด เพราะอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของชีวิตได้ โดยสามารถเช็กตามจุดต่าง ๆ ได้ ดังนี้

  • ปลั๊กไฟทุกจุดต้องแน่น ไม่หลวม

  • สวิตช์เปิด–ปิดได้ทุกดวง

  • หลอดไฟติดครบ

  • เบรกเกอร์มีการแยกวงจรชัดเจน

  • ตรวจแรงดันไฟ (ควรอยู่ที่ประมาณ 220 โวลต์)

  • ไม่มีสายไฟเปลือยหรือเดินสายไม่เรียบร้อย

หากไม่มั่นใจ ควรให้วิศวกรตรวจบ้าน หรือช่างตรวจบ้านตรวจสอบ และทดสอบโหลดไฟให้ เพื่อป้องกันปัญหาไฟช็อตในอนาคต

3. น้ำและสุขาภิบาล

น้ำคืออีกหนึ่งระบบที่มักเกิดปัญหาหลังเข้าอยู่ เช่น น้ำซึม ท่อรั่ว หรือแรงดันน้ำไม่สม่ำเสมอ ถือเป็นอีกจุดที่ควรตรวจบ้านก่อนโอน 

  • เปิดน้ำทุกจุด ตรวจแรงดันและทิศทางการไหล

  • ตรวจการรั่วซึมบริเวณอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ และใต้ซิงก์

  • ชักโครกกดน้ำได้ดี ไม่มีอาการรั่วซึม

  • ท่อน้ำทิ้งระบายน้ำได้รวดเร็ว ไม่มีน้ำขัง

  • ตรวจแท็งก์น้ำและปั๊มน้ำว่าทำงานปกติ ไม่มีเสียงดังผิดปกติ

  • ปิดน้ำทุกจุด แล้วเช็กมิเตอร์น้ำ หากตัวเลขยังขยับแสดงว่ามีการรั่วซึมในระบบ

4. ประตู หน้าต่าง และงานเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน

ส่วนนี้แม้ดูเล็กน้อย แต่ก็เป็นอีกจุดที่ควรตรวจบ้านก่อนโอนเช่นเดียวกัน โดยควรเช็กตามจุดต่าง ๆ ดังนี้

  • ประตู–หน้าต่างเปิด–ปิดได้เรียบ ไม่มีเสียงฝืด

  • กลอน ล็อก บานพับ ทำงานได้ดี

  • ซีลยางรอบบานประตูแน่น ไม่มีช่องว่างให้ฝุ่นหรือแมลงเข้า

  • เฟอร์นิเจอร์บิลต์อินไม่มีรอยบุบ บวม หรือร่องรอยน้ำซึม

  • หน้าบานตู้เรียบเสมอกัน ไม่เบี้ยว

  • หากเป็นบานกระจก ให้ตรวจขอบซิลิโคนว่าปิดสนิท ไม่มีฟองอากาศหรือหลุดลอก

5. พื้นที่ภายนอกบ้าน

พื้นที่ภายนอกบ้าน หรือพื้นที่รอบ ๆ บ้าน เป็นอีกจุดที่มักจะถูกละเลย แต่ก็เป็นส่วนที่สำคัญไม่แพ้ภายใน จึงควรตรวจเช็กก่อนรับบ้านเช่นเดียวกัน

  • ทางเดินรอบบ้านลาดเอียงถูกต้อง (น้ำไม่ขัง)

  • ท่อระบายน้ำไม่อุดตัน

  • รั้วบ้านมั่นคง ไม่โยก

  • พื้นโรงรถหรือเฉลียงไม่แตกร้าว

  • สีผนังภายนอกเรียบเสมอ ไม่มีคราบราดำหรือรอยรั่วจากหลังคา

  • หากบ้านมีสวน ให้ตรวจระบบรดน้ำอัตโนมัติหรือจุดระบายน้ำในสนามหญ้าด้วย

6. หลังคาและกันซึม

หลังคาและกันซึม ถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของบ้านเลยทีเดียว เพราะช่วยป้องกันแดดและฝนให้ทั้งบ้านและคนในบ้านนั่นเอง หากมีปัญหารั่วซึมภายหลัง ก็จะแก้ไขยากและมีค่าใช้จ่ายสูงมาก จึงควรตรวจบ้านก่อนทำการโอนบ้านเสมอ

  • ตรวจจากด้านในฝ้าว่ามีรอยน้ำหรือคราบไหม

  • ใช้กล้องหรือโดรนช่วยตรวจรอยต่อแผ่นกระเบื้อง

  • ท่อระบายอากาศและปล่องดูดควันติดตั้งแน่น

  • ตรวจขอบรอยต่อดาดฟ้าและรางน้ำว่ามีซิลิโคนปิดแน่น

  • หากเป็นไปได้ ควรตรวจช่วงหลังฝนตก เพื่อดูว่ามีจุดรั่วหรือไม่

ขั้นตอนหลังตรวจบ้านก่อนโอน

เมื่อทำการตรวจเสร็จแล้ว สามารถดำเนินการได้ตามขั้นตอน ดังนี้

  • จดบันทึกข้อบกพร่องทั้งหมด ถ่ายภาพและเขียนหมายเลขกำกับไว้ชัดเจน 

  • ส่งรายการให้เจ้าหน้าที่โครงการ เพื่อให้ทีมซ่อมดำเนินการแก้ไขก่อนวันโอนจริง

  • ตรวจซ้ำหลังโครงการแก้ไขแล้ว อย่าเพิ่งลงนามรับโอนจนกว่าจะตรวจซ้ำและยืนยันว่าแก้ครบทุกจุด

  • เก็บเอกสารบันทึกไว้เป็นหลักฐาน หากพบปัญหาภายหลัง สามารถใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงกับโครงการได้

ควรตรวจบ้านเอง หรือ จ้างทีมตรวจบ้าน ?

หากมีความรู้พื้นฐานและบ้านไม่ได้มีขนาดใหญ่ ก็สามารถตรวจบ้านก่อนโอนเองได้ แต่ถ้าบ้านมีขนาดใหญ่ เป็นบ้านหลังแรก หรือเป็นบ้านที่มีมูลค่าสูง แนะนำให้จ้างช่างตรวจบ้าน หรือวิศวกรตรวจบ้าน จะดีกว่า เพราะทีมงานเหล่านี้มีประสบการณ์และมีเครื่องมือเฉพาะทาง สามารถตรวจได้ละเอียดและแม่นยำมากกว่านั่นเอง

สรุป

การตรวจบ้านก่อนโอนคือ “ด่านสุดท้าย” ที่ไม่ควรละเลยอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้เห็นปัญหาที่ซ่อนอยู่หรือถูกมองข้ามไป ซึ่งไม่ว่าจะตรวจเองหรือจ้างวิศวกรตรวจบ้าน สิ่งสำคัญคือ ต้องตรวจให้ละเอียด เช็กให้ครบทุกจุด และไม่รีบเซ็นรับก่อนมั่นใจว่าจะได้บ้านในฝันที่พร้อมเข้าอยู่จริง ๆ 

ทั้งนี้ หากต้องการปรึกษาเรื่องบ้าน หรือต้องการซื้อขายบ้านหรูเชียงใหม่ สามารถติดต่อได้ที่ Belmont อีกหนึ่งโครงการของ Rochalia Development ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ในเชียงใหม่ที่ได้รับความไว้วางใจมาอย่างยาวนาน ยินดีให้คำปรึกษาและให้บริการ


bottom of page